พืชตระกูลถั่ว มีความสำคัญสำหรับการเลี้ยงแพะ

    พืชตระกูลถั่วมีความสำคัญสำหรับการเลี้ยงแพะ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แพะเจริญเติบโตดีมีครบทั้งวิตามินและแร่ธาตุ
 การเลี้ยงแพะให้เติบโตด้วยต้นทุนที่ต่ำ มีหลายปัจจัยและหลายวิธีเลี้ยง และเงินลงทุนของเกษตรกรเอง เลี้ยงแพะให้อยู่รอดปลอดภัย เมื่อมีวิกิจก็จะผ่านไปได้ แม้ราคาจะตกต่ำ บทความนี้จะบอกกล่าวถึงวิธีการเลี้ยงแบบสบายกระเป๋า เงินเกือบอยู่ครบ จะบอกว่าไม่มีลงทุน ก็คงไม่ใช้ ทุกอย่างต้องมีการลงทุน ออกแรงก็ต้องคิดเป็นต้นทุนด้วยเช่นกัน


รูปที่1 พืชตระกูลถั่ว แค่ฝรั่ง อะลาง นูดพระ จาน ไมยราบ

   การเลี้ยงแพะโดยใช้วัตถุดิบที่มี หาง่าย ปลูกง่าย และอยู่รอบตัวเรา คอกแพะของเกษตรผสมผสานบ้านนาทอง
เลี้ยงแพะแบบไล่ทุ่ง ไม่ใช่แค่ปล่อยแพะไปตามท้องทุ่งท้องนา หรือป่าริมทาง แบบนั้นใครๆก็ทำได้ เลี้ยงแบบไม่สนใจอาจมีความเสียหายตามมา เกษตรผสมผสานบ้านนาทอง มีแนวคิดที่ว่า เลี้ยงแพะบนพื้นฐานทรัพยากรชีวภาพที่มีและประยุกส์ใช้เทคโนโลยีภายใต้ข้อจำกัด
ดูจะยาว ย่อๆคือ พึ่งพาตัวเองให้มากที่สุด เอาวัตถุดิบที่มี มาดัดแปลงให้เกิดความคุ้มค่าแบบชาวบ้านชาวนา
  เกษตรผสมผสานบ้านนาทองจะเน้นพืชตระกูลถั่วเป็นหลัก ในการบริหารและจัดการคอกแพะเรื่องอาหารแพะนั้นมีความสำคัญระดับหนึ่งที่ต้องใส่ใจรายละเอียด
              รูปที่ 2 กฏ(สูตร)อาหารเลี้ยงแพะ70:30 
  เรามีสูตรที่แสนง่ายและใช้ได้ผลดีกับการเลี้ยงแพะในคอกของเรา คือกฎ 70:30 ตัวเลขนี้บ่งบอกอะไร
ตัวเลข 70 แทนความหมายอาหารหยาบพืชหรือใบไม้ จะสด จะหมัก จะแห้งใช้ได้หมด ขยายความอีกเล็กน้อย อาจเป็นหญ้าที่ปลูกหรือหญ้าขึ้นเองตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่จะมีโปรตีนไม่สูง ประมาณ 2-10 % ส่วนตัวเลข 30 หมายถึงใช้พืชตระกูลถั่วให้เสริม ปกติจะมีโปรตีนไม่ต่ำกว่า15% 
  ตัวเลขนี้จะใช้กำหนดสัดส่วนน้ำหนักอาหารแพะที่ต้องหาพืชหรือใบไม้มาให้แพะกินให้อยู่สัดส่วนนี้ จะทำให้การเลี้ยงแพะเรามีสุภาพแข็งแรง และสามารถเพื่มไขมันหรือกล้ามเนื้อได้ไม่ต่ำกว่า 35-65 กรัมต่อวัน โดยไม่จำเป็นต้องเสริมแร่ธาตุใดๆให้กับแพะเลย ถ้าเกษตรกรสามารถจัดหาอาหารหยาบที่มีโปรตีนสูง(โปรตีนไม่ต่ำกว่า 10% ตัวเลขฝั่ง 70) และมีการเสริมพืชตระกูลถั่ว (โปรตีนไม่ต่ำกว่า 15% ตัวเลขฝั่ง30) จะทำให้แพะมีน้ำหนักเพื่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 70 กรัมต่อวัน
   

          รูปที่3 ต้นจานออกดอก เข้าหน้าแล้งสมบูรณ์
   ถ้าเกษตรกรผู้เลี้ยงแพะไม่สามารถจัดหาได้ตามที่กล่าวมาจะทำให้แพะมีพลังงานแค่การดำรงชีวิตอยู่เท่านั้น มันจะไม่อ้วนหรือผอมนั้นเอง เกษตรผสมผสานบ้านนาทองเน้นใช้วัสดุดิบท้องถิ่น หญ้าหรือใบไม้รอบตัวในการจัดการด้านอาหารแพะ และพยายามห่างไกลจากการซื้อหัวอาหาร หรืออาหารสำเร็จรูปทุกรูปแบบ


              รูปที่4 ใบและดอกจาน อาหารแพะหน้าแล้ง
  แพะที่เราเลี้ยงแบบไล่ทุ่ง จะแข็งแรง และมีภูมิคุ้มกันโรคเพื่มขึ้น มีวิตามินและแร่ธาตุจากหญ้าหรือใบไม้ธรรมชาตินั้นเอง เนื้อแพะจะแตกต่างจากแพะที่เลี้ยงแบบจำกัดชนิดของอาหาร เช่นเลี้ยงแบบคักคอก อาหารที่ให้แพะกินจะไม่หลากหลาย ทำให้ขาดวิตามินและแร่ธาตุ จะเห็นว่าการเลี้ยงแบบคักคอกต้องเสริมวิตามินและแร่ธาตุเข้าไปในอาหาร รวมถึงมีแร่ธาตุก้อนให้แพะเลียกิน
  การเลี้ยงแบบไล่ทุ่ง นิยามของเราคือ อุดมสมบูรณ์ไปด้วย โปรตีน พลังงาน วิตามินและแร่ธาตุจากความหลากหลายทางชีวภาพ คนเลี้ยงแพะไล่ทุ่งต้องศึกษาพืชพันธุ์
เพื่อที่จะเลือกอาหารสัตว์ พืชบางชนิดมีประโยชน์สูงแต่แพะไม่ชอบกิน บางอย่างมีพิษและแพะชอบกิน รวมถึงการใช้สมุนไพรเพื่อสร้างหรือเสริมภูมิคุ้มกันและลดพยาธิ ยามพืชพันธุ์ขาดแคลน ก็ต้องประยุกต์และจัดการด้านอาหาร ต้องวางแผนปลูกหญ้า ปลูกถั่ว ผสมอาหารเองให้เป็น หรือทำแร่ธาตุก้อนเอง 


         รูปที่5 แพะกินดอกจาน พืชพันธุ์ุตามธรรมชาติ
   จะเห็นว่าการเลี้ยงแพะไล่ทุ่งต้องใช้ศาสตร์และศิลป์ และมันไม่ง่ายนักที่ทุกคนจะทำได้ เพราะเราต้องรู้ว่าแพะที่เราเลี้ยงสามารถเพื่มน้ำหนักต่อตัว ต่อวันเท่าไร โดยใช้พืชพันธุ์ตามธรรมชาติและการจัดการสถานการณ์ฉุกเฉินภาคสนามที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ต้องเตรียมรับมือในสถานการณ์ให้ทันท่วงที่ ทุกอย่างที่เราทำต้องจับต้องได้
วัดผลได้ ไม่ใช้แค่เสือในกระดาษ หรืองานวิจัยที่ขึ้นหิ้ง 
  ติดตามบทความหน้า จะเอาสาระ เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยมาฝาก สวัสดี

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

เมื่อแพะเจอต้นพังแหร สารพิษจะเป็นอันตรายกับแพะหรือไหม?

กฎ 70:30 สำหรับเลี้ยงแพะไล่ทุ่ง

ใบพุทราเลี้ยงแพะดีมาก!!!